ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบมองทุกสิ่งในอีกด้านหนึ่งเสมอ วิธีการคัดสรรหุ้นก็เช่นเดียวกัน ซึ่งหากท่านใดที่มีโอกาสศึกษาการลงทุนในหุ้นมาบ้าง ก็จะได้ยินได้ฟัง เทคนิคการคัดสรรหุ้น ที่นอกจากเราจะดูงบการเงิน ดูพื้นฐานธุรกิจต่าง ๆ แล้ว
การเดินไปสำรวจสินค้าและบริการของหุ้นที่เราสนใจ ถือเป็นอีกวีธีหนึ่ง ที่ช่วยในการตัดสินใจซื้อ ถือ หรือ ขายหุ้น ได้เป็นอย่างดี แต่ทว่า ถ้าเราไม่ได้มีจุดเริ่มต้นจากการดูงบการเงิน ดูพื้นฐานธุรกิจในกระดาษ แล้วค่อยมาดูกิจการ กล่าวคือ เห็นแบรนด์แล้วชอบ เห็นสินค้าแล้วใช่ เราก็หาเลยว่า บริษัทที่ที่ผลิตสินค้า อยู่ในตลาดหลักทรัพย์หรือเปล่า พอเจอแล้ว ก็กระโดดเข้าไปซื้อในวันเปิดทำการ วันนี้ทำได้ไหม เหมาะไหม วันนี้ผมจะเล่าให้ฟังครับ

ใจเย็นนะโยม อมฮอลล์สักเม็ดก่อนไหม
ผมขออกตัวก่อนว่า สำหรับใครที่ชอบสินค้าตัวใดมาก ๆ แล้วอยากซื้อหุ้นเพราะความคลั่งไคล้ ประมาณว่าเหมือนสะสมของในสิ่งที่ตัวเองรัก โดยที่ไม่ได้หวังว่าจะได้ผลตอบแทนอะไร แบบนี้เชิญพี่ท่านจัดได้เลยครับ ไม่มีใครว่าหรอก แต่หากท่านยังหวังว่า วันหนึ่งมันจะทำเงินให้ท่าน ไม่ว่าจะในรูปเงินปันผล หรือส่วนต่างราคาแล้วหละก็ นี่คือสิ่งที่ท่านจะต้องไตร่ตรองก่อนเสมอ

1.เป็นการเจอแบรนด์ดี เมื่อสายแล้วหรือเปล่า? ข้อนี้ผมจะขอยกตัวอย่างร้านสะดวกซื้อในบ้านเราแล้วกันนะครับ ซึ่งวันนี้พวกเขามีสาขาเป็นหมื่นสาขา ไปที่แห่งหนตำบลใด ก็เจอ ขายของทุกอย่างที่ชีวิตพื้นฐานต้องการ
ซึ่งก็แปลกแต่จริง ทั้ง ๆ ที่มีแบรนด์อื่น แบรนด์นี้เราก็ยังชอบใช้บริการอยู่ดี ซึ่งพอเป็นแบบนี้ เราก็อยากได้หุ้น สุดท้ายก็ต้องผงะ เพราะหุ้นไม่ถูกเลย อีกทั้งปันผลก็น้อย มองอัพไซส์ไปเบื้องหน้า ก็คงค่อย ๆ ขยับ ไม่ได้เปรี้ยงปร้างเหมือนแต่ก่อน มันก็ดูน่าสนใจน้อยลง เพราะลงทุนไปได้แค่ปลอดภัย แต่ไม่ได้ตังค์

2.สินค้าที่ว่าดีนั้น คิดเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ของหุ้นตัวนั้น ข้อนี้คือความจริงครับ เพราะว่ามีหลายบริษัทเลยที่ผลิตสินค้าและบริการหลายอย่าง ซึ่งก็มีไม่น้อย ที่สินค้ายอดนิยม มีสัดส่วนการทำรายได้ไม่ถึง 10% เรียกได้ว่า ขายดีแค่ไหน ก็ไม่ได้เขย่ากำไรสุทธิให้ชะลูด
สุดท้าย การเลือกหุ้นสักตัว อาจจะดูเหมือนยาก แต่มันจะไม่ยากแน่นอนหากเรารักการลงทุน และมองว่าการลงทุนคือชีวิต…สวัสดีครับ
#หุ้น #การลงทุน #เทคนิคการเล่นหุ้น