สวัสดีครับ ท่านนักลงทุนหุ้นทุกท่าน ความเดิมตอนที่แล้ว ผมได้แถลงไขเกี่ยวกับข้อคิดของคุณฮง สถาพร งามเรืองพงษ์ กรณีที่คุณฮงมีการเปรียบเปรยการลงทุน เหมือนกับการวิ่ง ซึ่งวิ่งกรณีแรก คุณฮงแนะนำให้มองเรื่องการลงทุนเหมือนการวิ่งมาราธอน ซึ่งก็คือ ไม่ควรไปคิดหาผลลัพธ์ที่ดีจากการลงทุนระยะสั้น เนื่องจากทำได้ยากและค่อนข้างเสี่ยง ส่วนการวิ่งกรณีที่สอง คือ อย่าวิ่งหนีความเสี่ยง แต่ให้รู้จักยอมรับและเข้าใจความเสี่ยง ว่า หากสินทรัพย์ใดมีโอกาสสร้างผลตอบแทนให้เราได้ดี ก็เป็นธรรมดา ที่จะต้องมีความเสี่ยงสูง แต่ถ้าหากเราเข้าใจความเสี่ยงนั้นว่ามีที่มาจากอะไร วิธีจัดการกับปัญหา เมื่อเราต้องพบเจอมันได้ ก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไร…สำหรับบทความนี้ผมจะมาเล่าข้อคิดของคุณฮงต่อ อีก 3 ข้อครับ จะเป็นอะไรนั้น ไปติดตามกันดีกว่า

นักลงทุนที่ดีต้องมีอีก 2 ทนและไม่เป็นคนส่วนใหญ่
มาถึงตรงนี้นักลงทุนหลายท่านคงชักเริ่มเซ็ง ว่าจะทนอะไรกันนักกันหนาเนี่ย ชีวิตฉันอยากได้อะไรก็ต้องได้ ทำไมต้องมาทน…ผมขอบอกเลยว่า ถ้าคุณมีลักษณะที่รออะไรไม่ค่อยได้ คุณต้องเป็นคนมีของพิเศษ นั่นก็คือ เก่งกับเรื่องการเก็งกำไร เก่งในสิ่งที่คนธรรมดาเขาไม่ค่อยมีเอามาก ๆ ตรงกันข้าม ถ้าคุณเป็นคนไม่มีของอย่างที่ผมว่ามา คุณต้องทนครับ ซึ่งทนที่ว่าเป็นแบบนี้

ทนรวย ข้อนี้คือหัวใจของการลงทุนให้ประสบความสำเร็จเลยก็ว่าได้ เพราะธรรมชาติของการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี มีความสมเหตุสมผลในตัวของมันเอง ลงทุนวันนี้ ไม่มีทางที่หุ้นจะขึ้นเป็นเด้งในวันพรุ่งนี้ ตรงกันข้าม คุณอาจต้องอดทนรอหลายเดือน หรือแม้กระทั่งหลายปี ดังนั้น ถ้าคุณทนรวยได้ คุณก็จะรวย แต่ถ้าคุณทนไม่ได้ ไปเดเทรดดีกว่า ไม่มีใครรับประกัน ว่าคุณจะเป็นอย่างไร

ต่อมาคือทนในสิ่งที่คนทั่วไปไม่ทน ข้อนี้คือความทนที่ลึกซึ้งมากกว่าคนทั่วไปซะอีก ซึ่งคุณฮงเล่าให้ฟังในเพจว่า บางคนทนถือหุ้นที่ตัวเองมีความมั่นใจ โดยราคาลงไปในระดับ 50% อย่างไม่สะทกสะท้าน ทั้ง ๆ ที่เงินที่ใช้ซื้อหุ้นนั้น เป็นการกู้มาลงทุนเสียด้วยซ้ำ
ประการสุดท้ายของบทนี้ก็คือ การที่ไม่ทำอะไรเหมือนคนส่วนใหญ่ ข้อนี้ท่านนักลงทุนทุกท่านอย่าลืมว่า สัดส่วนของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมีแค่ไม่เกิน 20% เท่านั้น เมื่อเป็นแบบนี้ การที่เราซื้อหุ้นเหมือนคนส่วนใหญ่ ยากครับที่จะสำเร็จ….จบละครับ ติดตามตอนจบในชื่อว่า “อัจฉริยะลงทุน ตอนจบ”
#อัจฉริยะลงทุน #การลงทุน #เทรนการลงทุน