สวัสดีครับ ท่านนักลงทุนหุ้นทุกท่าน ในวันนี้ผมเองมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกเช่นเคย แต่คราวนี้ เป็นเรื่องราวที่ผมเชื่อว่า ทุกคนที่เข้าลงทุน ต้องเคยประสบพบเจอ หรือได้เคยเผลอทำไปบ้าง ในตอนที่เรายังไม่รู้จักตัวเอง ว่าเราเป็นนักเก็งกำไร หรือนักลงทุน แล้วทำไมผมถึงพูดแบบนี้ ก็เพราะว่า เมื่อเราไม่รู้จักตัวเอง เราจะมีโอกาสติดกับดักของการชวนให้ซื้อ หรือขายในทุก ๆ วัน
รวมทั้งมีการแจกหุ้น ด้วยคำพูดสวยหรูว่า เป็นการแนะนำ จากทั้งมืออาชีพ กึ่งอาชีพ และไม่รู้ที่มา สุดท้ายเราก็ซื้อตามที่เขาแนะนำ หรือขายตามที่เขาแนะนำ ทุกวัน เพียงแค่เปลี่ยนหุ้น ไปเรื่อย ๆ นั่นเอง คำถามสำคัญก็คือ มันดีไหมที่ทำแบบนี้ ทำไมนักลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานหลายคนถึงบอกว่าไม่ดี วันนี้ เราไปหาคำตอบตาบแบบฉบับภาษาที่เข้าใจง่ายกันครับ

ซื้อขายหุ้นบ่อย เป็นการเพิ่มต้นทุน
สาเหตุที่ผมบอกว่าการซื้อขายหุ้นบ่อย เป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับเราก็เพราะว่า สมมติการซื้อ 1 ครั้ง เสียค่าธรรมเนียม 50 บาท แล้วหากวันนั้นคุณขายทันที คุณก็จะเสียค่าธรรมเนียมอีก 50 บาท ซึ่งกำไรที่ได้มาดีไม่ดีก็หลักร้อย หากคุณเป็นเพียงรายย่อยที่เพิ่งเข้ามาในตลาด
สรุปก็คือ เสียค่าธรรมเนียมวันละ 100 บาท ชัวร์ ๆ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของตลาดหุ้น รวมแล้วเดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท ซึ่งผมเชื่อว่าคุณจะไม่ได้กำไรทุกครั้งแน่นอน ดีไม่ดีบวกลบคูณหาร แล้วก็เท่าทุน สรุปคือ เอาเงินค่าธรรมเนียมไปให้โบร้คเกอร์ทุกวัน

มาถึงตรงนี้ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อายุยังน้อย รายได้ไม่มาก หากเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท ซึ่งรายได้ระดับนี้ แม้กฎหมายจะกำหนดให้เรามีหน้าที่ยื่นภาษี แต่ก็ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษี ผมคิดว่า การค่อย ๆ เก็บออมจากเงินเดือนและหารายได้อื่นเสริมบ้าง
แล้วเงินตรงนี้ไปซื้อหุ้นและถือไว้ แบ่งเป็นหุ้นเติบโตบ้าง หุ้นปันผลบ้าง หุ้นใหญ่บ้าง ซึ่งถ้านำเงินออมเข้าไปซื้อหรือเตรียมซื้อหากมีโอกาสดี ๆ จะมีโอกาสทำให้มั่งคั่งสูงกว่ามาก เนื่องจากปันผลที่เราได้มา แม้จะถูกหักภาษี แต่เราก็จะได้เครดิตคืน แล้วเราก็นำปันผลที่ได้ ไปทบต้นเรื่อย ๆ

ข้อเสียของการลงทุนหุ้นแบบนี้ก็คือ มันน่าเบื่อ ไม่ตื่นเต้น และต้องใช้เวลา มันจึงไม่ค่อยถูกใจคนบางกลุ่ม ที่ต้องการรวยวันนี้ ใช้เงินวันนี้ หรือได้เงินมาพอซื้อกับข้าว …สวัสดีครับ
เครดิตภาพ gangbeauty.com ,jarmnews.comและitax.in.th
#การลงทุน #เทรนการลงทุน #เทคนิคการเล่นหุ้น #หุ้น