วิกฤติปี40กับวิกฤติโควิด เหมือนและต่างกันอย่างไร

  สวัสดีครับท่านนักลงทุนหุ้นทุกท่าน  คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สถานการณ์บ้านเมืองเราในทุกวันนี้ ที่มีผู้คนเดือดร้อนเป็นวงกว้างในหลาย ๆ ภาคส่วน มีความละม้ายคล้ายคลึงกับช่วงที่เกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ซึ่งถือว่าเป็นวิกฤติที่ใหญ่หลวงที่สุดวิกฤติหนึ่งของประเทศไทย เมื่อ 24 ปี ก่อน ซึ่งหากใครก็ตามที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป คงได้มีโอกาสรับรู้ปัญหาในคราวนั้น

ชนิดที่เรียกว่า เป็นผู้เผชิญปัญหาด้วยตนเอง ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยออ้อม บางคนที่เป็นนักศึกษาจบใหม่ในช่วงเวลานั้น ก็เดินเตะฝุ่นกันเป็นแถว ส่วนคนที่ทำงานก่อนหน้านั้น หลายคนก็ต้องตกงาน ซึ่งคนที่ต้องตกงาน ไม่ใช่มีแค่ตำแหน่งพนักงานระดับปฏิบัติการเท่านั้น ผู้บริหารหลายคนก็ต้องออกจากงานกะทันหัน ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็มีบางคน ที่เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส เข้าซื้อหุ้นดีในราคาที่ถูกมาก จนกระทั่งวันนี้ เขาก็ได้กลายเป็นเศรษฐี ไปเป็นที่เรียบร้อย

วิกฤตินี้กับวิกฤติคราวนั้น อะไรเหมือน อะไรต่าง

สำหรับความเหมือนและความต่างของวิกฤติโควิด 19 กับวิกฤติต้มยำกุ้ง มีสิ่งที่เหมือนกันและต่างกันดังนี้ ครับ

ความเหมือนประการแรก ทั้งสองวิกฤติ คือ วิกฤติใหญ่ ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเรื่องความเป็นอยู่ ที่เกิดจากรายได้ลดลงแบบกะทันหันในวิกฤติโควิด19 หรือแม้กระทั่งการตกงาน และมีการฆ่าตัวตายแบบรายวันในวิกฤติต้มยำกุ้ง

ความเหมือนประการที่สอง คือการที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจกลับมาให้เหมือนเดิมหรือดีกว่าเดิม อาจต้องใช้เวลานาน 3-4 ปี เลยทีเดียว

สำหรับความแตกต่างก็มีเหมือนกัน นั่นก็คือ ในปี40 นั้น เป็นวิกฤติของคนรวย ที่เป็นเจ้าของกิจการใหญ่โต ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ ไปกู้เงินดอกเบี้ยต่ำจากต่างประเทศ และเมื่อรัฐบาลประกาศลอยตัวค่าเงิน ทุกอย่างก็เลยระเบิดตู้มเป็นโดมิโน่ แต่สำหรับวิกฤติโควิด19 นั้น ผู้ที่ถูกกระทบจริง ๆ กลับไม่ใช่บริษัทขนาดใหญ่หรือสถาบันการเงินเหมือนกับปี 40 แต่เป็นประชาชนรายเล็กรายน้อย ที่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของภาคบริการและภาคอื่น ๆ รวมทั้งผู้ประกอบการรายย่อย ที่ไม่ได้มีสายป่านยาวเฟื้อย ซึ่งหากยังยืดเยื้ออยู่แบบนี้ พวกเขาน่าจะอดตาย

มาถึงตรงนี้ หากว่าท่านผู้อ่านเป็นนักลงทุนตัวจริง เราจะต้องมองให้ออกว่า เราจะค้นพบโอกาสในการลงทุนท่ามกลางวิกฤติได้หรือไม่ ถ้าท่านมองออกและมีเงินทุนมากพอ ก็ไม่แน่เหมือนกันว่า เราอาจจะมีโอกาสได้เห็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในอีก 20 ปี ข้างหน้าอย่างแน่นอน เนื่องจากนักลงทุนที่สำเร็จตัวจริง มักไม่มองอะไรระยะสั้น 3-4 ปี แต่เขามองไกลเป็นทศวรรษครับ…สวัสดี

เครดิตภาพ posttoday.com ,it.kmitl.ac.thและsupertraderrepublic.com

 #การลงทุน #เทรนการลงทุน #เทคนิคการเล่นหุ้น #วิกฤติต้มยำกุ้ง

Table of Contents